เหรียญ..เป็นวัตถุมงคลที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับประเทศไทย ‘เหรียญ’ เริ่มสร้างมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)โดยอาจแบ่งเป็นประเภทๆ ได้ดังนี้
- เหรียญหล่อโบราณ เช่น เหรียญจอบใหญ่ จอบเล็ก หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน, เหรียญหลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง ฯลฯ
- เหรียญที่ระลึกและเหรียญกษาปณ์ซึ่งสร้างเป็นที่ระลึกในโอกาสต่างๆ รวมถึงเหรียญที่ใช้แทนเงินตรา
- เหรียญพระพุทธและเหรียญเกจิคณาจารย์ที่สร้างโดยโรงงาน
การพิจารณาเหรียญแท้-เก๊ ก็จะมีหลักพิจารณาหรือจุดสังเกตของเหรียญแต่ละประเภทแตกต่างกันออกไป ด้วยกรรมวิธีสร้างที่แตกต่างกัน..1. เหรียญหล่อโบราณ ให้สังเกตหลักใหญ่ๆ คือการเข้าดินนวลซึ่งจะผสมขี้วัวหมัก โบราณเรียก ´ดินขี้งูเหลือม´ เมื่อเททองลงในหุ่นเทียนจะเกาะติดกับเนื้อองค์พระเห็นเป็นจ้ำๆ สีน้ำตาลแก่ และให้สังเกตบริเวณ‘หูเชื่อม’ ที่จะต้องจับโค้งติดกับตัวเหรียญ มักจะปรากฏ‘เนื้อปลิ้น’ ระหว่างปลายตัวปลิง (หูเหรียญ) กับพื้นเหรียญด้านหลัง มักจะมีการใช้ตะไบแต่งตัวเหรียญให้ได้รูป แต่รอยตะไบจะไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนใหญ่จะใส่ทองผสมตอนเทด้วย เนื้อทองจะเห็นเป็นจ้ำๆ ทั่วบริเวณเหรียญ
2. เหรียญที่ระลึกและเหรียญกษาปณ์ นั้น จะผลิตโดยรัฐบาลกลาง ตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งสยามเปิดประเทศรับอารยธรรมตะวันตก มีความนิยมสร้าง‘เหรียญที่ระลึก’ในพระราชพิธีต่างๆ นอกจากนี้ ยังนำโลหะมาผลิตเป็นเงินเหรียญเรียก ´เหรียญกษาปณ์´ใช้เป็นเงินตราแทนระบบเงินดั้งเดิม เหรียญประเภทนี้ให้สังเกตให้ดีจะมีอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกเรียกว่า ´บล็อกนอก´หมายถึง สั่งผลิตจากเมืองนอก ตัวเหรียญจะมีความคมชัดลึก สวยงาม แข็งแกร่ง และมีอยู่ระยะหนึ่งซึ่งสยามสั่งเครื่องผลิตเหรียญเข้ามาผลิตเองแต่คุณภาพของเหรียญที่ออกมาไม่สู้ดี จะไม่คมชัดและไม่สู้จะเรียบร้อยนัก เราเรียก ´บล็อกใน´ ราคาเล่นหาก็จะถูกกว่าบล็อกนอก
โดยทั่วไปแล้ววิธีสังเกตความเก๊แท้ของเหรียญที่ระลึกและเหรียญกษาปณ์นั้น จะไม่ค่อยมีปัญหามากนักเพราะเหรียญประเภทนี้มีบันทึกการจัดสร้างที่มาที่ไป ตลอดจนจำนวนการสร้างที่ชัดเจน ในภาพรวมแล้วให้สังเกตขั้นต้นก่อนว่า หากเป็นเหรียญกษาปณ์ด้านหน้ากับด้านหลังจะวิ่งตรงกันข้าม ตัวอย่างเช่น เหรียญไอยราพรต ด้านหน้าจะเป็นพระบรมรูปตั้งขึ้น หากพลิกด้านหลังจะเห็นเป็นรูปช้างสามเศียรกลับหัวลง จะไม่ตั้งขึ้นไปในทิศทางเดียวกันทั้งสองด้านเด็ดขาด ลองหยิบเหรียญบาท เหรียญสิบ ของเราขึ้นมาดูสิครับ นั่นแหละเป็นเอกลักษณ์สำคัญของการดูเหรียญประเภทนี้
นอกจากนี้ยังต้องดู ´เส้นล้ม´ ให้เป็น ถ้าเป็นเหรียญเก๊เขาจะนำไปถอดพิมพ์แล้วทำบล็อก หากเป็นเหรียญแท้เส้นต่างๆ ที่ตั้งขึ้นจากพื้นเหรียญจะคมชัดไม่เบลอหรือเส้นไม่ล้ม ถ้าเส้นเอียงจะทำให้เหรียญดูเบลอไม่คมชัด เขาเรียกว่า “เส้นล้ม” ต้องหัดดูให้ชำนาญ แรกๆ ก็จะดูไม่ค่อยเห็น แต่เอียงเหรียญแล้วหัดส่องไปเรื่อยๆ ก็จะเข้าใจเอง

3. เหรียญพระพุทธและเกจิคณาจารย์ ที่สร้างโดยโรงงาน เหรียญพระพุทธนั้นต้องยกให้ ‘เหรียญพระพุทธชินสีห์ วัดบวรนิเวศวิหาร’ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นปีพ.ศ.2440 เป็นที่ระลึกคราวเสด็จกลับจากประพาสยุโรปครั้งแรก ส่วนเหรียญพระเกจิคณาจารย์ ต้องนับ ‘เหรียญพระพุทธวิริยากร (จิตร ฉนฺโน) วัดสัตตนารถปริวัตร จ.ราชบุรี’ ที่สร้างปี พ.ศ.2458 ซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็น ‘ปู่เหรียญ’ หรือ ‘เหรียญพระสงฆ์เหรียญแรก’ และในช่วงนี้เองบรรดาเกจิคณาจารย์ก็นิยมสร้างเหรียญรูปเหมือนขึ้นเป็นที่ระลึกกันอย่างแพร่หลาย
โดยส่วนใหญ่วัสดุที่ใช้จัดสร้างจะเป็น‘ทองแดง’ จะมีเนื้อเงิน เนื้อทองบ้าง ก็สร้างขึ้นเพื่อถวายเจ้านายหรือแจกกรรมการ ส่วนบางท่านก็ใช้วัสดุที่หาง่ายในพื้นบ้าน เช่น ตะกั่ว ชิน สร้างเป็นเหรียญแจกชาวบ้านเหรียญที่สร้างขึ้นโดยโรงงานนั้น จะใช้วิธี ´ปั๊ม´ แต่หากเป็นเหรียญยุคแรกๆ ก่อนปี พ.ศ.2470 จะมีข้อสังเกตพื้นฐานกล่าวคือ เหรียญส่วนใหญ่จะแกะขึ้นด้วยมือ ช่างที่แกะจึงต้องมีความชำนาญส่งผลให้ศิลปะของเหรียญได้รูปที่สวยงามแต่จะไม่ลึกนัก โดยแกะเป็นแม่พิมพ์สองตัวด้านหน้ากับด้านหลัง เมื่อกระแทกจะทำให้แผ่นทองแดงที่รีดบางตึงแน่น ผิวไม่ขรุขระ ทำให้ไม่เกิดขุมสนิมเขียวแดงที่เรียกว่า ‘รอยขี้กลาก´ ยกเว้นการนำแม่พิมพ์เดิมมาสร้างเหรียญรุ่นเดิมเพิ่ม อาจจะเกิดรอยขี้กลากนิดหน่อย แต่ถ้าพบรอยขี้กลากต้องระวังให้มากนอกจากนี้โดยส่วนมากมักจะทำเป็นแบบ‘หูเชื่อม’ เพราะวิทยาการยังไม่ทันสมัย ซึ่งก็จะเห็นการเชื่อมหูด้วยตะกั่วบัดกรี ไม่ได้เป็น‘หูในตัว’ อย่างรุ่นหลังครับผม

- เหรียญยุคต้นก่อนปี พ.ศ.2470
เหรียญยุคต้นก่อนปี พ.ศ.2470ยังมีลักษณะพิเศษอื่นๆ อีก เช่น เวลาปั๊มเหรียญเขาจะกระแทกให้ตัวเหรียญหลุดออกมาเป็น‘เหรียญ’ จากโลหะเลย โดยไม่ต้องนำมาเลื่อยฉลุอีกทีหนึ่ง ขอบเหรียญจึงไม่มีรอยฟันเลื่อย แต่จะเรียบเพราะเครื่องปั๊มจะมีบล็อกบังคับตัดในตัว และขอบเหรียญจะบางกว่าเหรียญรุ่นหลัง ส่วนเหรียญตั้งแต่ปี พ.ศ.2470 จะเริ่มพบมีการเลื่อยฉลุ หมายถึงปั๊มเกินขอบแล้วมาเลื่อยทีหลัง แต่บางเหรียญก่อนปี พ.ศ.2470 ก็มีหลุดออกมาทั้งแผ่นหลังจากปั๊มกระแทกแล้วบ้าง เช่น เหรียญพระพุทธชินสีห์เคยพบเป็นวงกลมใหญ่กว่าใบโพธิ์แล้วนำมาเลื่อยฉลุทีหลัง ซึ่งจะมีบางเหรียญเท่านั้นไม่ใช่ส่วนใหญ่
หากว่ากันถึง ‘เนื้อโลหะ’ ของเหรียญเก่าแล้ว จะมีความแห้งซีด ไม่มันวาว เนื่องจากโลหะผ่านอายุอานามมาเป็นเวลานาน หากจับๆ ต้องๆ ดูอาจจะมันวาวขึ้นมาบ้าง แต่ทิ้งไว้ซักพักก็จะกลับแห้งซีดอีก อันนี้เป็นข้อสังเกตสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นอกเหนือจากการดู ´ขี้กลาก´ ที่เกิดจากอากาศทำปฏิกิริยากับเนื้อโลหะที่เป็นหลุมเป็นบ่อ เคยเห็นเซียนคนหนึ่งดูเหรียญ หากมีรอยขี้กลากจะไม่เล่นทันที ซึ่งความจริงแล้วอาจเกิดขี้กลากได้ หากนำแม่พิมพ์เดิมมาปั๊มซ้ำ หรือเกิดนิดๆ หน่อยๆ แต่ถ้ามีเยอะแยะต้องสวัสดีท่านทีหนึ่งแล้วรีบๆ คืนไป แล้วบางทีถ้าเก็บรักษาไม่ดีอาจเกิดรอยพรุนคล้าย‘รูเข็ม’ บนพื้นเหรียญได้ แต่ไม่ใช่เก๊นะครับ เป็นเพราะเก็บไม่ดีทำให้โดนอากาศ

- เหรียญสมัยหลังต้องนับประมาณปี พ.ศ.2500 ลงมา
ตอนนี้วิทยาการและเทคโนโลยีการผลิตเข้าขั้นเทพแล้ว ไม่ต้องเขียนลายลงบนกระดาษสาแล้วแกะแม่พิมพ์ทั้งๆ ยังร้อน หากแต่ใช้วิธีการถ่ายฟิล์มแล้วแกะหรือกัดบล็อกตามถนัด ทำให้ได้เส้นลวดลายที่คมชัดลึกกว่าเหรียญรุ่นเก่า ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะทำเป็นหูในตัวเพราะสะดวกดีเวลาปั๊มไม่ต้องมาคอยเชื่อมห่วงอีก ที่สำคัญคือ เนื่องจากเครื่องมือทันสมัยจะส่งผลให้ผิวเหรียญเรียบตึงมาก สามารถปั๊มโลหะทั้งแข็งทั้งอ่อนได้เป็นอย่างดี

วิธีการสังเกตเวลาเขาทำปลอม
ก็จะใช้ซิลิโคนถอดพิมพ์ทั้งด้านหน้าด้านหลัง แต่มีหลักง่ายๆ ไว้คอยป้องกันตัวทั้งเหรียญรุ่นเก่าและรุ่นใหม่คือ ถ้าถอดแม่พิมพ์รับรองได้ว่า‘เหรียญจะเล็กลงกว่าเดิม’ ดังนั้น ต้องเห็นเหรียญแท้เหรียญจริงบ่อยๆ พอเห็นเหรียญขนาดเล็กจะได้รู้ว่าไม่ใช่ ส่วนเหรียญ ´บล็อกนอก´ นี่ดูง่ายเพราะจะสวยงามได้มาตรฐานคมกริบ บ้านเราทำคุณภาพยังไม่ถึง แล้วถ้าเจอเหรียญที่นำมาฉลุปิดพื้นเข้าไปให้ระวังให้จงหนัก เพราะเล็กกว่าปกตินี่แหละ เลยต้องเอามาฉลุยกหน้ายกหลัง แต่‘เหรียญฉลุ’ แท้ก็มีนะครับต้องสังเกตให้เป็น
มีคนสงสัยว่าแล้ว‘เส้นตำหนิ’ ในแม่พิมพ์ประเภทเส้นแตก เส้นเกินใต้ตัวอักษร เส้นขนแมวอะไรพวกนี้ทำปลอมได้ไหม ขอเรียนว่าทำได้ เพราะยุคไฮเทคเขาเอาเหรียญจริงเข้าสแกนคอมพิวเตอร์ก่อนไปทำบล็อก เลยเรียกกันว่า ´บล็อกคอมพิวเตอร์´เหมือนเราสแกนภาพนั่นแหละครับมีเท่าไหร่ออกมาหมด แต่จะติดเต็มหรือไม่เต็มต้องดูฝีมือช่างด้วย ซึ่งเหรียญพวกนี้มักจะใช้ทำปลอมเหรียญหลังปี พ.ศ.2500 เพราะถ้านำวิธีนี้ไปปลอมเหรียญก่อนหน้าจะสังเกตได้ง่าย เนื่องจากกระบวนการผลิตใช้หลักต่างกัน ส่วนการปลอมเหรียญรุ่นเก่านิยมใช้‘การถอดด้วย ซิลิโคน’ ซึ่งนอกจากจะเล็กแล้วบางส่วน เช่น เส้นขนแมว หรือร่องเล็กๆ จะไม่ติด ซึ่งวิธีการศึกษาต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจสภาพเหรียญแต่ละยุคและจดจำตำหนิหรือเอกลักษณ์ของแต่ละเหรียญแต่ละหลวงพ่อให้ชัดเจน
ทีนี้มาถึงคำถามประเภท ´แฟนพันธุ์แท้´ ที่ถามเข้ามามากมายเหลือเกิน เช่น เหรียญหลักๆ ทำไมเนื้อทองแดงถึงแพงมากกว่าเนื้ออื่น ก็ต้องถึงบางอ้อแล้วละครับ เพราะผมบอกแล้วว่าเหรียญรุ่นก่อนนิยมใช้ทองแดงเป็นหลักส่วนเนื้อทอง เนื้อเงินอะไรนั่นต้องมีหลักฐานนะครับถึงจะเล่นได้ เหตุเพราะโลหะทอง เงิน ทำปลอมง่ายกว่าทองแดงเยอะ ยิ่งแต่งเรื่องเป็นถวายเจ้าถวายนาย แจกกรรมการยิ่งไปกันใหญ่
บางคนเห็นเหรียญมีคราบมีไคลมีสนิมก็มือไม้สั่นต้องล้างให้ได้ ถ้าเป็นเหรียญเก๊ก็ไม่เป็นไรหรอก ก่อนล้างก็ดูกันแท้ดี แต่พอล้างเสร็จเท่านั้นแหละตัวใครตัวมัน แล้วล้างนะครับเขาใช้แช่ลงในเครื่องดื่มชูกำลัง รับรองที่ดูเก่าเก็บกลายเป็นใหม่เอี่ยมอ่อง จากเหรียญรุ่นเก่ากลายเป็นเหรียญใหม่ทันสมัยกว่าเดิมเลยทีเดียวครับผม
ขอบพระคุณความรู้ดีๆจาก ท่าน อ.ราม วัชรประดิษฐ์ แฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง http://www.arjanram.com/